วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

นิทานเรื่องสั้น...การ์ตูนสโนน้อยเรือนงาม

นิทานพื้นบ้านเรื่องโสนน้อยเรือนงาม

ณ นครโลมวิชัย มีพระราชาและราชินีผู้ซึ่งตั้งมั่นในทศพิธราชธรรมปกครองอยู่ ทั้งสองพระองค์ให้กำเนิดพระธิดาพระองค์น้อย และทรงพระราชทานนามให้ว่าโสนน้อยเรือนงาม เพราะตั้งแต่แรกประสูติ พระธิดาโสนน้อยมีเรือนไม้หลังเล็กๆ ติดพระหัตถ์ออกมาด้วย ครั้นพระธิดาโสนน้อยเจริญวัยขึ้น เรือนไม้หลังน้อยก็ได้กลายเป็นของเล่นที่เธอโปรดปรานมาก เธอสามารถเข้าออกเรือนไม้นั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์

                     

          ช่างมหัศจรรย์นักพระราชาและพระราชินีต่างก็เอ่ยด้วยความประหลาดใจ
          เมื่อใกล้วันครบรอบวันประสูติ พระราชาทรงดำริให้จัดงานฉลองครบรอบ 15 ชันษาแก่พระธิดา แต่โหรหลวงทูลคัดค้านว่า
          "พระอาญามิพ้นเกล้า ขณะนี้พระธิดาทรงกำลังมีพระเคราะห์พะยะค่ะ ดังนั้นพระธิดาจะต้องออกเดินทางเผชิญโชคเพียงลำพังเป็นเวลา 1 ปี"
          ไม่มีหนทางหรือการสะเดาะเคราะห์ทางอื่นช่วยนางได้เลยหรือพระราชาตรัสด้วยไม่อยากจะปล่อยให้พระธิดาของตนต้องลำบาก
          พระอาญามิพ้นเกล้า นี่เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการกำจัดเคราะห์ของพระธิดาพะยะค่ะ
          ถึงแม้พระราชาและพระราชินีจะทรงไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องปฏิบัติตาม ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองพระองค์จึงไปส่งพระธิดาที่หน้าประตูเมือง โดยโสนน้อยได้ปลอมตัวเป็นสาวชาวบ้าน แล้วเอาเครื่องทรงพระธิดาห่อไว้
          ท่านพ่อท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเพคะ ลูกจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ระหว่างที่ลูกไม่อยู่ ขอให้ท่านพ่อท่านแม่รักษาพระวรกายด้วยนะเพคะ
          โสนน้อยเดินทางเข้าป่าอย่างไร้จุดหมาย พระอินทร์เกิดความสงสารจึงแปลงกายเป็นชีปะขาวมามอบยาวิเศษสำหรับรักษาคนตายให้ฟื้นแก่เธอและอวยพรให้เธอโชคดี ระหว่างทางโสนน้อยพบศพหญิงสาวหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งชื่อกุลา นางถูกงูพิษกัดสิ้นใจตายอยู่กลางป่า โสนน้อยจึงลองใช้ยาวิเศษของท่านชีปะขาวทาที่บาดแผล พลันบาดแผลก็หายเป็นปลิดทิ้ง นางกุลาก็ฟื้นขึ้นและขอเป็นทาสติดตามโสนน้อยไปทุกหนทุกแห่ง
          โสนน้อยและนางกุลาเดินทางไปถึงเมืองนพรัตน์และได้ยินประกาศว่ากษัตริย์แห่งเมืองนพรัตน์ทรงต้องการหมอเก่งๆ มารักษาพระวิจิตรจินดา พระราชโอรสที่ถูกงูพิษกัดจนสิ้นพระชนม์มานานถึง 7 ปี
          น่าสงสารพระราชา พระองค์คงทำใจไม่ได้จึงไม่อาจทำพิธีศพของพระวิจิตรจินดา
          แต่ข้าว่าคงไม่มีใครรักษาพระวิจิตรจินดาได้หรอก หากไม่มียาของหมอเทวดา
          ชาวเมืองต่างก็พูดคุยเรื่องนี้กันอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร
          โสนน้อยเกิดความสงสาร เธอจึงเข้าไปในวังและรับอาสารักษาพระวิจิตรจินดาให้ฟื้น โดยมีข้อแม้ว่าต้องกั้นม่านจำนวน 7 ชั้นเสียก่อน เมื่อถึงเวลารักษาโสนน้อยแต่งเครื่องทรงพระธิดาและฝากชุดชาวบ้านไว้กับนางกุลา นางกุลาได้โอกาสจึงขอเข้าไปดูใกล้ๆ ด้วย
          โสนน้อยค่อยๆ ทายาวิเศษทั่วพระวรกายของพระวิจิตรจินดาอย่างเบามือ จนพิษงูค่อยๆ คายออกมาเป็นไอร้อนคลุ้งไปทั่วห้อง เธอรู้สึกร้อนมากจึงรีบถอดเครื่องทรงออกแล้วไปสรงน้ำทันที ระหว่างนั้นนางกุลาซึ่งมีจิตริษยาโสนน้อยอยู่ก่อนแล้ว ได้นำเครื่องทรงพระธิดามาสวมใส่และไปนั่งเฝ้าพระวิจิตรจินดาอยู่ข้างเตียง
          ไม่นานนักพระวิจิตรจินดาก็ทรงฟื้นขึ้น
          โอ เกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน ข้าจำได้ว่าถูกงูกัดแล้วหมดสติไป
          พระองค์ม่เพียงแต่สิ้นสติไปแต่ยังสิ้นชีวีนานถึง 7 ปี เพคะ แต่ว่าหม่อมฉันนำยาวิเศษมาช่วยทำให้พระองค์ฟื้นชีวิตอีกครั้ง
          นางกุลารีบสวมรอยว่านางเป็นผู้รักษาพระองค์โดยแนะนำว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงจากต่างเมือง ส่วนโสนน้อยเป็นทาสีผู้ติดตามของนาง ตั้งแต่นั้นมาโสนน้อยจึงตกเป็นทาสีของนางกุลา และถูกข่มเหงรังแกอยู่เสมอ
          ท่านแม่นึกสงสัยเหมือนข้าหรือไม่ว่าพระธิดามีกิริยามารยาทประหลาดราวกับไม่รู้กฏระเบียบในวัง
          แม่เองก็นึกสงสัยอยู่ไม่น้อย กิริยาของนางช่างขัดกับชาติตระกูลเสียเหลือเกิน
          ถึงแม้พระวิจิตรจินดาและทุกๆ คน จะคลางแคลงในพฤติกรรมของนางกุลาที่นางมีกิริยามารยาทไม่สมกับเป็นธิดากษัตริย์เสียเลย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
          อยู่มาวันหนึ่ง พระราชินีทรงให้นางกุลาไปเย็บกระทงมาถวาย แต่นางพยายามเท่าไรก็เย็บไม่สำเร็จจึงโยนใบตองทิ้งจนเกลื่อนกลาด โสนน้อยจึงเก็บใบตองเหล่านั้นนำมาเย็บเป็นกระทงที่สวยงาม นางกุลาเห็นเข้าก็นำไปถวายพระราชินี
          หม่อมฉันนำกระทงมาถวายแล้วเพคะนางกุลานำกระทงที่งดงามจากฝีมือของโสนน้อยมาแอบอ้างเป็นของตนเอง
          โอ งดงามมาก เจ้ามีฝีมือไม่ใช่น้อยเลย
          พระราชินีทรงมองดูกระทงที่เย็บอย่างปราณีตและสวยงามอย่างพอพระทัยและรับสั่งให้นางกุลาย้อมผ้าสามสีสำหรับผูกเรือให้พระวิจิตรจินดาชุดหนึ่งเพราะพระวิจิตรจินดาจะเสด็จประพาสทางทะเลในวันรุ่งขึ้น
          นางกุลาจัดแจงย้อมผ้าแต่ก็ทำไม่เป็นอีกจึงโยนผ้าทิ้งอย่างหงุดหงิด โสนน้อยก็เก็บผ้าแล้วนำไปย้อมสีได้ผ้าผูกเรือสีสันสวยงาม 
          ครั้นรุ่งเช้านางกุลาจึงรีบนำไปถวายพระวิจิตรจินดา
          หม่อมฉันนำผ้าย้อมสีมาถวายแล้วเพคะ แม้มันจะยากลำบากแต่หม่อมฉันก็ทำเพื่อพระองค์ได้เพคะนางกุลาก็ยังแอบอ้างว่าผ้าย้อมสีนั้นนางย้อมด้วยตนเอง
          พระวิจิตรจินดาทรงรำคาญนางกุลามากจึงรับสั่งให้ทหารออกเดินทางทันทีแต่ทำอย่างไรเรือก็ไม่ยอมเคลื่อนออกจากท่า พระวิจิตรจินดาจึงปรารถขึ้นว่า
          เอ หรือว่ายังมีใครที่ไม่ได้ฝากซื้อของอีก" ตรัสแล้วพระองค์ก็ให้ทหารไปสอบถามทั่ววังปรากฏว่าคนที่ยังไม่ได้ฝากซื้อของคือโสนน้อย
          โสนน้อยจึงบอกทหารไปว่า "ฉันฝากซื้อโสนน้อยเรือนงามจ้ะ" เพียงเท่านั้นเรือก็เคลื่อนที่ออกจากท่าได้สร้างความประหลาดใจแก่ทุกคนเป็นอย่างยิ่ง
          เมื่อเรือแล่นไปถึงทะเลพระอินทร์ก็ดลบันดาลให้ลมพัดเรือไปยังนครโลมวิสัย พระวิจิตรจินดาหาซื้อของตามรายการได้เกือบครบ ขาดเพียงโสนน้อยเรือนงามเท่านั้นที่หาซื้อไม่ได้
          ชาวเมืองคนหนึ่งจึงทูลพระวิจิตรจินดาว่า
          โสนน้อยเรือนงามเป็นของคู่บุญของพระธิดาแห่งเมืองโลมวิสัยพะยะค่ะ"
          พระวิจิตรจินดาไปขอเข้าเฝ้ากษัตริย์โลมวิสัยและทูลขอซื้อโสนน้อยเรือนงาม พระเจ้าโลมวิสัยจึงทราบว่าที่จริงแล้วทาสีผู้ที่ฝากซื้อเรือนโสนน้อยคือพระธิดาของพระองค์เอง
          ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอฝากเรือนน้อยนี้ให้ธิดาของข้าด้วย
          พะยะค่ะ
          เมื่อพระวิจิตรจินดาเดินทางกลับถึงเมืองนพรัตน์ ทหารสองคนก็ยกเรือนงามไปให้โสนน้อย
โสนน้อยรับเรือนหลังน้อยวางไว้ตรงหน้า และตั้งจิตอธิษฐานทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นโดยรอบ โสนน้อยลุกขึ้นเดินเข้าไปในเรือนนั้นอย่างสง่างาม ทุกคนจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วโสนน้อยเป็นผู้ที่มีบุญญาธิการมาก และเป็นผู้ที่รักษาพระวิจิตรจินดาให้มีชีวิตอีกครั้ง ส่วนนางกุลาผู้ทรยศถูกพระวิจิตรจินดาขับออกจากเมืองทันที
          นับแต่นั้นมาก พระวิจิตรจินดาและพระธิดาโสนน้อยก็ครองรักกันอย่างมีความสุข