วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

การ์ตูนไดโนเสาร์


การ์ตูนไดโนเสาร์

รายละเอียดของเรื่อง 

สายวันนี้แดดแรง ไดโนกับไดนี่ขออนุญาตพ่อกับแม่ไปเที่ยวน้ำตก

พ่อยิ้มพร้อมกำชับลูกรักทั้งสองว่า.....

“ดูแลน้องด้วยนะไดโน ไดนี่ก็อย่าดื้อกับพี่ละ”

ทั้งสองรับปาก ไดโนใช้หางจูงไดนี่

พี่ชายน้องสาวเดินจูงหางกันมาถึงน้ำตกใหญ่ ทันใดนั้นเองไดนี่เสียหลักลื่นล้มลงมาตามโขดหิน

“โอ๊ย พี่ไดโนช่วยด้วยช่วยไดนี่ด้วย”

ไดโนตกใจว่ายตามไดนี่ที่ลอยไป แล้วใช้หางของตัวเองเหวี่ยงไปรัดตัวของไดนี่ไว้ แต่ไดโนเองก็สู้แรงน้ำไม่ไหว กระแสน้ำพัดไดโนกับไดนี่ไปตามโขดหิน สองข้างทางริมน้ำเปลี่ยนไปเป็นป่าสีม่วง

            “ไดนี่ น้ำพัดเรามาถึงป่าสีครามแล้ว”

ไดนี่มองป่ารอบตัว ทันใดนั้นทั้งสองก็ไหลไปถึงป่าสีน้ำเงิน ไดโนหัวเราะชอบใจกอดน้องสาวไว้

            “ไดนี่ ต่อไปน้ำจะพัดเราไปถึงป่าสีเขียวนะ”

ยังไม่ขาดคำน้ำก็พัดทั้งสองมาถึงป่าสีเขียว

            “พี่ไดเก่งจัง แล้วต่อไปละคะ”

ไดนี่เริ่มสนุก ไดโนบอกน้องว่า....

             “เรากำลังไหลผ่านป่าเจ็ดสี เหมือนสีของรุ้งกินน้ำไงละ ต่อไปต้องเป็นป่าสีเหลือง คอยดูก็แล้วกัน”

และเมื่อถึงป่าสีเหลืองจริงๆ ไดโนกับไดนี่ก็โดนน้ำพัดผ่านต่อไปยังป่าสีส้มและป่าสีแดง ไดโนกับไดนี่ลอยมาติดโขดหิน ทั้งคู่ได้ยินเสียงผู้หญิงกำลังร้องไห้

            “ร้องทำไม มีอะไรให้เราช่วยไหมครับ”

ไดโนตะโกนถาม หญิงผมยาวผิวใสราวกระจกหันมา

            “ฉันคือลูกสาวของตาน้ำ”

หญิงสาวพูดเสียงเศร้าแล้วเล่าว่าเธอถูกน้ำพัดหลงมา บ้านของเธออยู่บนภูเขา ยอดที่สูงที่สุด ที่นั่นมีน้ำผุดออกมาจากดิน คนเรียกกันว่าตาน้ำ

            “แล้วน้ำนั้นมีประโยชน์อย่างไรครับ”  ไดโนถาม

หญิงสาวตอบข้อสงสัยว่า.....

            “ตาน้ำเป็นต้นกำเนิดของน้ำทั้งหมด น้ำจากน้ำตกก็เริ่มไหลมาจากที่นั่น ถ้าไม่มีตาน้ำก็ไม่มีน้ำไหลลงมาทางลำธารให้คนข้างล่างได้ใช้”

            เธอเองหน้าที่รักษาป่าแถบตาน้ำ

                        “ถ้ามีคนมาตัดต้นไม้ดินแถวนั้นจะไม่สมบูรณ์ และจะไม่มีน้ำออกจากดิน”

            พี่ไดโนถามต่อว่า.....

                        “ต้นไม้ ดิน กับน้ำเกี่ยวข้องกันหรือครับ”

                        “ใช่แล้วจ๊ะ และฉันต้องกลับไปดูแลป่าบนภูเขาสูงสุดนั้น”

            ลูกสาวตาน้ำพูดด้วยสายตาเศร้าหมอง

                        “ผมช่วยคุณได้”

ไดโนรีบบอกแล้วก็เก็บใบไม้ที่ร่วงมาหนึ่งใบแล้วพับจนเป็นเรื่องบินก่อนตั้งจิตอธิษฐาน ทันใดนั้นเครื่องบินใบไม้ก็กลายเป็นเครื่องบินขิงจริง แล้วทั้งสามก็นั่งเครื่องบินใบไม้มุ่งไปยังภูเขาสูงที่สุด ระหว่างทางลูกสาวตาน้ำชวนไดโนและไดนี่ให้มองลงไปข้างล่างเธอชี้และพูดว่า....

            “ป่าสีรุ้งอยู่ตรงนั้น ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง ถ้าป่ายังมีเจ็ดสีเหมือนสีของรุ้งก็แปลว่าตาน้ำยังคงสมบูรณ์”

เมื่อถึงยอดเขาไดนี่พูดกับลุกสาวตาน้ำว่า.....

            “ฝากดูแลตาน้ำและป่าด้วยนะคะ”

            “จ้ะ หนูกลับไปก็บอกเพื่อนๆ ว่าอย่าทำให้น้ำสกปรกและอย่าตัดต้นไม้ เพราะยังมีคนในป่าเจ็ดสีที่ใช้น้ำที่ไหลผ่านจากหมู่บ้านที่พวกหนูอยู่คะ”

ลูกสาวตาน้ำยิ้ม สองพี่น้องเอ่ยลาลูกสาวตาน้ำ แล้วเครื่องบินก็ทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง

ทั้งสามคนกล่าวลากัน

            “บายๆไว้เจอกันใหม่น้า”

หลังจากวันนั้นไดโนกับไดนี่ก็ช่วยบอกเพื่อนๆพี่ๆน้องๆให้ช่วยกันดูแล ป่าไม้ ต้นน้ำ ลำธาร ให้สะอาดและสมบูรณ์อยู่เสมอเผื่อแหล่งต้นน้ำลำธารป่าไม้จะได้สมบูรณ์ตลอดไป

คติสอนใจ

ทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิต  ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์อื่น ๆ  เพราะป่าไม้มีประโยชน์ทั้งการเป็นแหล่งวัตถุดิบของปัจจัยสี่  คือ  อาหาร  เครื่องนุ่งห่ม  ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคสำหรับมนุษย์ และยังมีประโยชน์ในการรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อม  ถ้าป่าไม้ถูกทำลายลงไปมาก ๆ  ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ  เช่น  สัตว์ป่า  ดิน  น้ำ  อากาศ  ฯลฯ เมื่อป่าไม้ถูกทำลาย  จะส่งผลไปถึงดินและแหล่งน้ำด้วย จึงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดสภาวะปัจจุบัน ที่มีทั้ง โลกร้อน สภาวะเรือนกระจก แผ่นดินไหว น้ำท่วม เหตุการณ์เหล่านี้ ล้วนมาจากการกระทำของมนุษย์เราทั้งนั้น  พี่ตาน้ำขอฝากให้ทุกคนหันมาเอาใจใส่ดูแลสิ่งแวดรอบๆตัวเราให้มากกว่านี้นะค่ะ  โลกเราจะสวยได้ก็ด้วยมือของพวกเราทุกคนนะค่ะ

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2558

เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน

เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน


         ณ  ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่  มีฝูงควายป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก  พวกมันพากันกินหญ้าอย่างมีความสุขเช่นนี้ทุกวัน

                        วันหนึ่งเจ้าหมาป่าหิวโซ  เดินผ่านมาเห็นฝูงควายป่าเป็นจำนวนมาก  หมาป่าคิดจะจับควายป่ากินเป็นอาหาร  แต่ดูแล้วควายป่ามีแต่ตัวใหญ่ๆ   หมาป่าเองก็หมดเรี่ยวแรงด้วยหิวโซ  และตัวเล็กกว่ามาก  “เราจะทำอย่างไรดีนะ….โอย! ..หิว….ควายป่าตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย ”

                        ดังนั้นเจ้าหมาป่าจึงเดินเข้าไปหาความป่าหนุ่มตัวใหญ่ที่ดูแข็งแรงมากตัวหนึ่ง  เมื่อหมาป่าเดินเข้าไปใกล้ๆ  ควายป่าหนุ่มก็ตกใจ  เพราะดูท่าทางหมาป่าแล้ว  คงไม่มีแรงสู้กับควายป่าได้  ควายป่าจึงเฉยและกินหญ้าต่อไป

                         หมาป่าจึงพูดขึ้นว่า  “ท่านช่างสง่างามจริงๆ  ดูซิร่างกายกำยำ  แข็งแรง  ท่านคงเป็นจ่าฝูงของที่นี่”  ควายป่ายังรับฟังแต่ใจคิดอะไรอยู่ในใจ  เจ้าหมาป่าจึงพูดต่อไปอีกว่า  “แต่ข้าได้ยินมาว่า  มีผู้ที่อยากล้มท่าน  แล้วอยากเป็นจ่าฝูงเสียเอง  เขาคอยหาโอกาสดีๆอยู่  แต่ข้าคงบอกไม่ได้หรอกนะว่าใคร  ท่านคงพอจะรู้อยู่หรอก”  เมื่อได้ฟังดังนั้น  ควายป่ามีท่าโกรธจัด

                        วันต่อมาหมาป่าทำอย่างนี้เหมือนเดิมกับควายป่าอีกตัวหนึ่งที่และเลือกตัวที่มีร่างกายกำยำแข็งแรงไม่แพ้กัน  และดูท่าทางของควายป่าตัวนี้เอาเรื่องทีเดียว

                        หมาป่าทำทีเข้าไปตีสนิทและพูดว่า    “ท่านจ่าฝูงเมื่อวานเราได้ยินเรื่องเกี่ยวกับตัวท่านมาเรื่องหนึ่ง  ไม่รู้ว่าท่านอยากรู้หรือเปล่า  เพราะเกี่ยวกับตัวท่าน  ไอ้ข้าอ่ะนะ…พอได้ยินอะไรที่ไม่เหมาะสมไม่ควร  ข้าก็ทนฟังไม่ได้  อย่างน้อยท่านจะได้ระวังตัวไว้บ้าง”  เมื่อควายป่าได้ฟังจึงสนใจ  “ใครว่าอะไรข้า  เจ้าเล่ามา”  หมาป่าจึงพูดว่า  “ข้าได้ยินมาว่า  จ่าฝูงอยากกำจัดท่าน  เพราะเห็นท่านมีผู้นิยมชมชอบอยู่ไม่น้อย  และกลัวท่านจะขึ้นมาเป็นจ่าฝูงแทน  แล้วพรุ่งนี้ข้ายังได้ยินมาอีกว่าจ่าฝูงจะมาเอาเรื่องท่านถึงที่เวลาเช้านี่แหละ   ข้าก็เห็นท่านมีฝีมืออยู่เหมือนกันท่านจะยอมอยู่หรือ  สู้กันให้รู้ไปว่าท่านก็ไม่เบานะ ”

ควายป่าหนุ่มจึงโกรธ  “ข้าอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จังเลย  จะได้รู้ดำรู้แดงกันเสียที  คิดจะกำจัดข้ารึ  เกินไปแล้ว”

                        เมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึง  ควายป่าทั้งสองตัวที่ตกหลุมพรางหมาป่า  จึงต่างจะไปเอาเรื่องกับอีกฝ่าย  เมื่อมาเจอกัน  ไม่มีใครถามใคร  วิ่งเข้าใส่ขวิดกัน  สู้กันจนอ่อนแรง และตายไปด้วยความเหนื่อย  เพราะไม่มีใครยอมใคร   หมาป่าที่รอดูอยู่ได้แต่หัวเราะเยาะด้วยความสะใจ  “ฮ่า..ฮ่า..ตายทั้งคู่   โง่จริงๆ  อาหารอันโอชะของข้าน่าอร่อยจริง”  แล้วหมาป่าก็เข้าไปกินอาหารอย่างมีความสุข