หมองูตายเพราะงู
จังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสานที่มีชื่อเสียงมาก ถ้าเอ่ยชื่อถึงสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดขอนแก่น ใครๆคงไม่รู้จัก หมู่บ้านโคกสง่า หรือที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันในชื่อของ หมู่บ้านงู เหตุที่เรียกหมู่บ้านงู เพราะชาวบ้านแห่งนี้เลี้ยงงูเป็นอาชีพ
โรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ได้จัดทำโครงการนำ
นักเรียนไปทัศนศึกษายังหมู่บ้านงูเป็นประจำ ปีนี้ก็เช่นกันโรงเรียนเทศบาลสวนสนุกได้จัดนำนักเรียนไปทัศนศึกษาที่หมู่บ้านงูอีกครั้งหนึ่ง เสียงรถแล่นเข้าไปใกล้หมู่บ้านงูทุกที
ครูที่เป็นผู้ดูแลนักเรียนในการไปทัศนศึกษาครั้งนี้ประกาศว่า“ขณะนี้ใกล้ถึงหมู่บ้านงูแล้วนะคะ เมื่อไปถึงเราจะเข้าแถวลงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อเข้าชมงานขอให้ทุกคนปฏิบัติตามนี้เพื่อความปลอดภัยด้วยนะคะ อย่าลืมนะคะว่าเรามาเที่ยวหมู่บ้านงู”
เมื่อรถจอด เด็กนักเรียนลงรถอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีผู้นำพาคณะครูและนักเรียนเข้าไปนั่งบนอัฒจันทร์เพื่อชม
การแสดงของคนกับงู โฆษกประจำสถานที่จึงเข้ามาต้อนรับ “ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านโคกสง่า หรือหมู่บ้านงูนะครับ ที่นี่คือลานการแสดงโชว์ของคนกับงู เชิญนักเต้นออกมาเต้นได้เลย ”
เสียงเพลงดังขึ้น มีนักเต้นผู้หญิงออกมาเต้นแล้วใช้งูเหลือมพาดตามตัวและเต้นตามจังหวะเสียงเพลง จบแล้วเป็นการแสดงของผู้ชายกับงูที่ออกมาเต้นเข้ากับเสียงเพลงเหมือนกัน
โฆษกประกาศอีกว่า “ต่อไปเป็นการแสดงชุดใหญ่ของเรา ซึ่งเป็นชุดที่นักท่องเที่ยวชอบดูที่สุด เมื่อใครได้ดูแล้วต้องอึ้ง ทึ่ง เสียว เดี๋ยวทุกคนจะได้ดูงูนักแสดงของเราว่ามีงูอะไรบ้าง ”
ชาวบ้านนำกล่องเลี้ยงงูออกมา “ลังไม้นี้เป็นที่อยู่ของงูเห่า ลังไม้นั้นเป็นที่อยู่ของงูจงอาง ซึ่งเราเรียกว่าเป็นราชาของงู ราชางูของเรายาวสองเมตรครึ่ง ตัวสีดำเลื่อม เงางามมากขอให้ทุกท่านปรบมือให้กับราชางูของเราด้วยนะครับ และต่อไปเป็นการแสดงการชกของคนกับงู โดยทางทีมงานของเราจะใช้ราชางูตัวนี้นะครับ ส่วนงูตัวที่เหลือเก็บได้นะครับ”
เมื่อทีมงานเก็บงูตัวที่ไม่เกี่ยวข้องแล้ว โฆษกประกาศพูดต่อไปอีกว่า “ถ้าเรานำงูออกมานานเกินไป งูมันเหนื่อยมันรำคาญ เดี๋ยวมันจะโมโหกัดเราได้”
จากนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนเวที “ขอเสียงปรบมือให้กับผู้ท้าชิงชกกับงูหน่อยครับ ลุงสง่า แชมป์เปี้ยนทุกสมัยของการชกครับ ลุงสง่าชกมาตั้งแต่อายุ 20 ปี จนกระทั่งอายุได้ 65 ปี ลุงแกก็ยังไม่ลาสังเวียนสักที แกบอกว่าแกจะชกจนแก่กว่านี้ครับ ทุกคนคงสังเกตเห็นที่บริเวณใบหน้าและมือของลุงสง่า ลุงสง่าเคยถูกงูกัดมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ตายครับ ไปหาหมอทันพอดี แต่แกไม่เข็ดหรอกครับ มีงูที่ไหนมีลุงสง่าที่นั่นครับ ปรบมือให้กับลุงสง่าหน่อยครับ”
ลุงสง่าชกกับงูไป โฆษกพากย์เสียงไป เด็กนักเรียนทั้งสนุกทั้งหวาดเสียวร้องวี้ด! ว้าย! กัน เพราะหวาดเสียวกับการแสดง
โฆษกประกาศว่า “นี่เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวห้ามลอกเลียนแบบนะครับเด็กๆ ”
เมื่อโฆษกพูดจบได้สักครู่ใหญ่ๆ การแสดงก็จบลง เสียงปรบมือดังเกรียวกราว งูจงอางถูกเก็บไว้ในลังไม้ และนำไปเก็บไว้ในกรงเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นคณะนักแสดงของหมู่บ้านงูนำงูเหลือมออกมาให้นักเรียนและนักท่องเที่ยวได้ชมอย่างใกล้ชิด เด็กนักเรียนชายหลายคนใจกล้า นำงูเหลือมที่ทีมงานนำมาให้ดู คล้องคอเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เมื่อเด็กๆ ดูงูจนพอใจแล้ว ก็เข้าแถวขึ้นรถกลับบ้านอย่างมีความสุข เมื่ออยู่บนรถเด็กๆต่างพากันพูดคุยถึงเรื่องของงูเสียงเซ็งแซ่ไปหมด
สายใจสงสัยมากจึงถามคุณครูว่า “คนที่ชกกับงูแบบนี้เคยมีคนตายบ้างไหมคะ”
ครูตอบว่า “มีเหมือนกัน เพราะคนที่เลี้ยงงูอยู่กับความอันตรายตลอดเวลา ต่อให้มีความชำนาญ เชี่ยวชาญจนชาวบ้าน ยกย่องให้เป็นหมองูก็เถอะ ย่อมมีความพลาดพลั้งถึงแก่ความตายได้เมื่อมีความประมาท ดังคำที่ว่า หมองูตายเพราะงูอย่างไรล่ะจ๊ะ”
เด็กๆ จึงพูดคุยเรื่องงูกันต่อด้วยความตื่นเต้น กระทั่งเดินทางถึงบ้านแล้วก็ยังเล่าประสบการณ์ที่ได้มาเห็นการแสดงของงูให้ผู้ปกครองฟังด้วยความตื่นเต้น