วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

นิทาน ดาวลูกไก่

นิทานดาวลูกไก่


นิทานพื้นบ้านเรื่องดาวลูกไก่

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว..ณ ชายป่าแห่งหนึ่ง มีตากับยายอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ อยู่กันสองคน ไม่มีลูก ไม่มีหลาน มีเพียงแม่ไก่ 1 ตัว ที่เลี้ยงไว้

ทุก ๆ เช้า ตากะยายจะโปรยข้าว หรือถั่วงา บนลานดินไว้ เพื่อให้แม่ไก่จิกกิน

ผ่านไปไม่นานแม่ไก่ก็ออกไข่และฟักออกมาเป็นลูกเจี๊ยบตัวจ้อย ๆที่แสนน่ารัก 7 ตัว

 แม่ไก่พร่ำสอนลูกไก่ทั้ง 7 ว่า “จำไว้นะลูกจ๋า ตากับยายเป็นผู้มีพระคุณ”

เวลาผ่านไปไม่นาน  มีพระธุดงค์ มาลงกลดอยู่ที่เชิงเขา ริมหมู่บ้าน พอเห็นเข้า ตากะยายจึงเกิดความกังวลว่า พรุ่งนี้เช้าจะทำอย่างไรดี ด้วยไม่มีอาหารไปถวาย

ขณะที่กำลังนั่งคิดกันอยู่นั้น ตาได้เอ่ยกับยายว่า 

 "ยายเอ๋ย ตอนเช้าวันรุ่ง เรามาแกงไก่ไปถวายพระกันเถิด เพราะไม่เช่นนั้น พระท่านจะอดฉันอาหารเช้าแน่เชียว" 

ยายก็เห็นด้วยและตอบรับสิ่งที่ตาบอก

ขณะนั้นแม่ไก่เผอิญเดินมาได้ยินเรื่องที่ตากะยายพูดกันตั้งแต่แรกจนจบ รู้เข้าก็เศร้าใจ สงสารลูกทั้ง 7 ตัวที่จะต้องกำพร้าแม่..

แต่ด้วยความกตัญญูรู้คุณตาและยายที่สู้อุตส่าห์หาเลี้ยงตนมาอย่างดี จึงคิดจะแทนบุญคุณตาและยายตามที่คุณตาได้กล่าวไว้

แม่ไก่จึงตัดสินใจเรียกลูกทั้ง 7 มาสั่งเสีย โดยเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ลูกฟัง 

เมื่อลูกไก่ทั้ง 7 ได้ฟังจบ ต่างพากันร้องห่มร้องไห้ แล้วพากันวิ่งเข้าไปซุกซอกอกแม่ด้วยความรัก ความอาลัย แม่และลูกไก่กอดคอกันร้องไห้

ตอนเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่แม่ไก่กลายเป็นอาหารเช้าที่ตาและยายทำแล้วนำไปถวายพระธุดงค์แล้ว 

พวกลูกไก่ทั้ง 7 โศกเศร้าเสียใจเป็นที่สุด ด้วยความรักแม่ยิ่งชีวิต ลูกไก่ทั้ง 7 ตัวกระโดดวิ่งเข้ากองไฟไปทีละตัว เพื่อที่จะตายตามแม่ไก่ไป

เทวดานางฟ้า ต่างก็ทราบซึ้งในความกตัญญูของแม่ไก่และลูกไก่
จึงได้รับลูกไก่ทั้ง 7 ตัว ไปอยู่บนฟากฟ้า มีแสงระยิบระยับเป็นประกาย

ลูกไก่ทั้ง 7 ได้ไปเกิดเป็น “ดาวลูกไก่”
หรือที่เรียกว่ากลุ่มดาวฤกษ์ ๗ ดวง ชื่อ “กัตติกา” บนท้องฟ้า
คอยประกาศถึงความดี…ที่มีความรัก และความสามัคคีของพี่น้องทั้ง 7 นั่นเอง

หนูน้อยหมวกแดงกับหมาป่า

หนูน้อยหมวกแดงกับหมาป่า


นิทานพื้นบ้านสำหรับเด็กเรื่อง "หนูน้อยหมวกแดง"

หนูน้อยหมวกแดง หนูน้อยคนนี้ได้ชื่อนี้มาจากหมวกสีแดงที่เ­ธอชอบใส่เสมอๆยามไปเที่ยวเล่นหรืออยู่นอกบ­

วันหนึ่งคุณแม่ให้หนูน้อยหมวกแดงนำผลไม้แล­ะอาหารไปฝากคุณยายซึ่งไม่สบาย อยู่ในบ้านห่างไกลออกไป พร้อมกำชับว่า ให้หนูน้อยรีบไปรีบกลับอย่าแวะหรือเที่ยวเ­ถลไถลที่ไหน หนูน้อยหมวกแดงรับคำแล้วออกเดินทางทันที

หนูน้อยหมวกแดงจะเดินทางเจออะไรบ้าง นิทานเรื่องมีคติข้อคิดอย่างไร ติดตามนิทานในคลิปได้เลยจ้า

นิทานอีสปเรื่อง "เด็กเลี้ยงแกะ"

นิทานอีสปเรื่อง "เด็กเลี้ยงแกะ"



นิทานอีสปเรื่อง "เด็กเลี้ยงแกะ"

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ทุกเช้าเด็กเลี้ยงแกะจะต้องคอยต้อนฝูงแกะออกไปหากินที่เนินเขาทุกวัน 

หน้าที่ของเขาคือต้องนั่งเฝ้าแกะขณะกินอาหาร และป้องกันอันตรายจากหมาป่า เป็นอย่างนี้ทุกวันจนเขาเริ่มเบื่อหน่ายกับความซ้ำซากจำเจ 

แต่วันนี้ขณะกำลังเฝ้าแกะอยู่นั้นเขาก็พลันนึกอะไรแผลงๆขึ้นมาได้...แล้วก็เริ่มแผนการของเขาทันที

เขารีบเดินกลับไปยังหมู่บ้านพร้อมกับตะโกนร้องบอกชาวบ้านว่า  “ช่วยด้วย…ช่วยด้วย… มีหมาป่าเข้ามากำลังจะกินแกะแล้ว” 

เมื่อชาวบ้านได้ยินดังนั้นต่างก็รีบคว้าอาวุธไว้ในมือแล้วรีบวิ่งไปยังเนินเขาด้วยกลัวว่าหมาป่าจะกินแกะไปจนหมด

แต่เมื่อกลุ่มชาวบ้านวิ่งมาถึงก็ไม่พบหมาป่าแม้แต่ตัวเดียว  

เด็กเลี้ยงแกะแอบหัวเราะในใจแล้วบอกว่า “เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้นี่นา พวกท่านคงมาช้าไป สงสัยว่ามันคงจะวิ่งหนีไปแล้วแหละ 555” 

ชาวบ้านได้แต่ยืนงง และรู้ว่าพวกตนนั้นถูกเด็กเลี้ยงแกะหลอกเสียแล้ว

ชาวบ้านต่างโมโหที่โดนเด็กเลี้ยงแกะหลอกให้เสียเวลาทำงาน เดินโกรธลงจากเนินเขาไป

ส่วนเด็กเลี้ยงแกะนั้นได้ใจและสนุกกับการที่ชาวบ้านนั้นหลงเชื่อตนซึ่งเป็นเพียงแค่เด็ก หลังจากนั้นมาก็ยังคงหลอกชาวบ้านซ้ำอีก 2-3 ครั้ง

จนวันหนึ่งที่เด็กเลี้ยงแกะกำลังเฝ้าแกะอยู่เช่นเคย  จู่ๆ ก็มีหมาป่าออกมาวิ่งไล่จับแกะเข้าจริงๆ 

เด็กเลี้ยงแกะจึงรีบตะโกนบอกความจริงแก่ชาวบ้าน “ช่วยด้วย…ช่วยด้วย… มีหมาป่ามาจับแกะกินแล้วจริงๆ นะ” 

แต่ไม่ว่าเขาจะตะโกนจนเสียงแหบแห้งเพียงใด คราวนี้ชาวบ้านกลับไม่มีใครสนใจเขาแม้แต่เพียงคนเดียว 


คติสอนใจจากนิทานอีสปเรื่องนี้:

“คนที่มักหรือชอบพูดโป้ปดมดเท็จ เมื่อถึงคราวพูดจริงก็ยากที่จะมีใครเชื่อ”

นิทานอีสปเรื่อง "กระต่ายกับเต่า"

นิทานอีสปเรื่อง "กระต่ายกับเต่า"


ณ ป่าแห่งหนึ่ง มีเต่าตัวหนึ่งกำลังเดินเล่นอย่างสบายใจ มันเดินมาเรื่อยๆก็มาเจอกับกระต่ายตัวหนึ่งที่ชอบโอ้อวดว่าเป็นผู้ที่วิ่งได้เร็วที่สุด

กระต่ายเห็นเต่ากำลังคลานต้วมเตี้ยมอย่างช้าๆ กระต่ายจึงหัวเราะเยาะแล้วพูดว่า

“ นี่เจ้าเต่า ถ้าเจ้าเดินช้าอย่างนี้ แล้วเมื่อไรจะกลับถึงบ้านล่ะนี่”

เต่าจึงตอบกลับไปในทันทีว่า

“ถึงข้าจะเดินช้า แต่ข้าก็กลับถึงบ้านทุกวัน เรามาลองวิ่งแข่งกันมั้ยล่ะ แล้วข้าจะเอาชนะเจ้าให้ดู”

กระต่ายนั้นมั่นใจว่าเต่าไม่มีทางเอาชนะตนได้เป็นแน่จึงรับคำท้าและหัวเราะเยอะเจ้าเต่าว่า

"555 อย่าเจ้านี่นะจะขนะข้า ไม่ดูตัวเองซะเลยว่าต้วมเตี้ยมแค่ไหน"


วันรุ่งขึ้นเต่ากับกระต่ายก็มายังจุดที่นัดกันไว้ โดยมีเจ้ากระรอกเป็นผู้ปล่อยตัวการแข่งขัน

เมื่อการแข่งขันได้เริ่มขึ้น กระต่ายวิ่งอย่างสุดฝีเท้าเพื่อไปให้ถึงเส้นชัย ส่วนเต่าก็พยายามคลานไปเรื่อยๆ

ในขณะที่กระต่ายวิ่งไปจนใกล้จะถึงเส้นชัยแล้วก็คิดว่าถึงอย่างไรเสียตนก็ต้องเป็นผู้ชนะแน่นอน กระต่ายจึงหยุดนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้และเผลอหลับไป

เต่าคลานต้วมเตี้ยมจนมาถึงเส้นชัย และในที่สุดเจ้าเต่าก็เป็นผู้ชนะ

ส่วนเจ้ากระต่ายที่หลับเพลินเมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้ว่าสายเกินไปและเป็นผู้แพ้ไปเสียแล้ว

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ความประมาทย่อมนำมาซึ่งความผิดหวัง ส่วนผู้เพียรพยามย่อมประสบผลสำเร็จ




นิทานอีสปสั้นๆเรื่อง "ราชสีห์กับหนู"

นิทานอีสปสั้นๆเรื่อง "ราชสีห์กับหนู"


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ถึงแม้ว่าจะตัวเล็กมีพลังแค่เพียงน้อยนิด­ก็ตาม แต่ถ้าให้ความร่วมมือร่วมพลังกันแล้ว มันก็สามารถที่จะเปลี่ยนมาเป็นพลังอันยิ่ง­ใหญ่ได้อยู่เหมือนกัน "

นิทานอีสปเรื่อง "กวางป่ากับพวงองุ่น"

นิทานอีสปเรื่อง "กวางป่ากับพวงองุ่น" 


มีกวางป่าตัวหนึ่งวิ่งเข้าไปในเพิงองุ่นเพื่อซ่อนตัวจากการตามล่า ของนายพราน
” ขอให้ข้าซ่อนตัวด้วยเถิดนะองุ่น ”
กวางป่ากล่าวอย่างนอบน้อม องุ่นก็อนุญาติ
เมื่อพรานตามมาถึงบริเวณนั้นก็ไม่พบกวางป่าเพราะกวางป่าหลบอยู่ จึงวิ่งไปอีกทางหนึ่ง
กวางป่าเห็นว่าปลอดภัยเเล้วจึงกัดกินพวงองุ่นอย่างเอร็ดอร่อย
” เจ้ากินข้าทำไมเพื่อนเอ๋ย ”
ตัวองุ่นถามอย่างน้อยใจ กวางป่าจึงว่า
” ถ้าข้าไม่กินเจ้า ก็มีคนอื่นมากินเจ้าอยู่ดีนั่นเเหละ ”
ขณะที่กวางป่ากัดกินพวงองุ่นอยู่นั่นเอง พรานอีกคนหนึ่งผ่านมาเห็นว่ามีบางสิ่งเคลื่อนไหว อยู่ใต้เพิงองุ่นจึงเล็งธนูยิงใส่กวางป่าทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนไม่รู้บุญคุณคนมักประสพความหายนะ

นิทานอีสป "มดแดงกับนกพิราบ"

นิทานอีสป "มดแดงกับนกพิราบ"


มีมดแดงตัวหนึ่งกำลังหิวน้ำมาก มันจึงไต่ลงไปกินน้ำที่ริมตลิ่ง แต่ไม่ทันระวังทำให้มันพลาดลื่นตกลงไปในน้ำ

ระหว่างนั้นมีนกพิราบบินผ่านมาพอดี มดแดงจึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย!! ช่วยข้าด้วย”
นกพิราบจึงคาบใบไม้โยนลงไปในน้ำ มดแดงรีบไต่ขึ้นใบไม้ แล้วลมก็พัดพาใบไม้ไปริมตลิ่ง

จนมดแดงสามารถไต่ขึ้นฝั่งได้ทำให้มดแดงรอดตาย มดแดงซึ้งในความช่วยเหลือของนกพิราบมาก

แล้ววันหนึ่งนกพิราบได้ออกไปหากิน มันกำลังจิกหนอนอยู่โดยไม่ได้ระวังตัว ขณะนั้นมีนายพรานผ่านมาเห็นเข้า นายพรานจึงหยิบธนูเล็งจะยิงนกพิราบ

มดเห็นเหตุการณ์ จึงรีบวิ่งไปกัดที่เท้านายพราน นายพรานเจ็บข้อเท้าจึงเอามือปัดมดกระเด็นไป
ทำให้นายพรานเสียจังหวะ ลูกธนูจึงพลาดไม่ถูกนกพิราบ

“ขอบใจมากนะ พ่อมดน้อย” นกพิราบกล่าวขอบคุณ เจ้ามดน้อยได้ช่วยนกพิราบเป็นการตอบแทนบุญคุณ ที่นกพิราบได้เคยช่วยไว้ในครั้งก่อน

นกพิราบ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

ความกตัญญูกตเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี ผู้ที่ทำความดีไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่…สักวันย่อมได้รับสิ่งดีดี…ผลดีตอบสนองเสมอ